เมื่อพูดถึงบางกอกน้อยหลายคนน่าจะนึกถึงตลาดวังหลังที่มีร้านซูชิวังหลังเจ้าดังหรือขนมถังแตกไส้มะพร้าวแสนอร่อย และโรงพยาบาลศิริราชกัน ถึงแม้เวลาจะผ่านไปแต่บรรยากาศเก่าๆ ของชุมชนริมแม่น้ำและกลิ่นอายความน่ารักของย่านบางกอกน้อยแห่งนี้ยังคงอยู่ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือมีการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้งานพื้นที่และการคมนาคมที่หลากหลายมากขึ้น
ชุมชนบางกอกน้อย เป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำที่มีผู้คนหลายเชื้อชาติทั้งไทย จีน มุสลิม และมีหลักฐานการตั้งชุมชนมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น และเป็นแหล่งรวมมรดกวัฒนธรรมมากมายที่สะท้อนผ่าน สถาปัตยกรรม วัด โบราณสถาน และภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่นี่จึงเป็นถือว่าเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่า เพราะมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของฝั่งธนบุรีซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก
วันนี้เราเลยอยากพาเพื่อนๆ มาเดินเล่นย่านบางกอกน้อยกัน โดยเริ่มจากนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ธงส้มจากท่าเรือราชินี ไปลงท่าเรือพระปิ่นเกล้า แล้วเริ่มเดินเข้าซอยพระปิ่นเกล้า 2 ไปจนถึงถนนอรุณอมรินทร์ ซอยวัดระฆัง ลิสต์สถานที่ตามนี้เลย
✦ วัดภุมรินทร์ราชปักษี
✦ Arch x Chann Cafe
✦ มัสยิดหลวงอันซอริซซุนนะห์
✦ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี
✦ พิพิธภัณฑ์ศิริราช
✦ ห้องสมุดบ้านหนังสือนางสุกันยา
✦ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
✦ ตลาดวังหลัง
การเดินสำรวจเมืองทำให้เราได้ค่อยๆ มองดูระหว่างทาง ซึมซับบรรยากาศรอบๆ ได้เดินดูวิถีชีวิตของผู้คน ที่สำคัญได้เพิ่มกิจกรรมทางกายอีกด้วย อย่างทริปนี้เราเดินไปทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร นับได้ 13,822 ก้าว ใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศจากห้องสี่เหลี่ยม พวกเราขอแนะนำให้ไปเดินเล่นย่านบางกอกน้อยกัน
One day trip ย่านบางกอกน้อยรอบนี้ เราเริ่มกันที่ MRT สนามไชยโดยเริ่มจากนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ธงส้มจากท่าเรือราชินี ไปลงท่าเรือพระปิ่นเกล้า แล้วเริ่มเดินเข้าซอยพระปิ่นเกล้า 2 จนถึงถนนอรุณอมรินทร์ โดยเริ่มจากวัดภุมรินทร์ราชปักษี และเดินลัดเลาะเข้ามาในชุมชนเดินต่อไปที่ Arch x Chann Cafe เดินต่อมาอีกหน่อยจะเจอ มัสยิดหลวงอันซอริซซุนนะห์ ใกล้กันจะเจอกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี หลังจากนั้นเดินลัดเลาะในชุมชนมาเรื่อยๆ แล้วให้ข้ามสะพานอรุณอมรินทร์ไปเพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์ศิริราช และเดินต่อจากศิริราชไปที่ห้องสมุดบ้านหนังสือนางสุกันยา ตกเย็นเดินไปไหว้หลวงพ่อโตที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และปิดทริปที่ตลาดวังหลัง เดินหาของกินจุบจิบกันก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน
วัดภุมรินทร์ราชปักษี
เดินเข้าซอยวัดดุสิตารามมาไม่ไกลก็จะเจอกับวัดภุมรินทร์ราชปักษี ซึ่งสันนิษฐานกันว่าวัดแห่งนี้น่าจะมีมาก่อนการตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เนื่องจากซ่อนศิลปะโบราณเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างวังหน้า หน้าบันรูปนกยูงรำแพนและรูปนารายณ์ทรงครุฑ โดยเฉพาะรูปแบบสถาปัตยกรรมฐานของโบสถ์และวิหารที่เป็นแบบตกท้องช้างจึงมีลักษณะความแอ่นคล้ายเรือสำเภา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่นิยมกันมากในช่วงกรุงศรีอยุธยา แต่ถึงวัดแห่งนี้จะเป็นวัดร้างที่ไม่มีพระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษา แต่ทุกคนยังสามารถมาเดินชมสถาปัตยกรรมวัด และกราบไหว้พระในวัดได้น้า
วัดภุมรินทร์ราชปักษี
(https://maps.app.goo.gl/KNeSozUv3UGSSv957)
เปิดทุกวัน
Arch x Chann Cafe
เดินถัดมาจากวัดวัดภุมรินทร์ราชปักษี ผ่านซอยพระปิ่นเกล้า 1 ซอยวัดดุสิตดาราม เข้ามาที่ซอยมัสยิดหลวงอันซอริซซุนนะห์ก็จะเจอกับ Arch x Chann Cafe คาเฟ่บ้านไม้ริมน้ำบรรยากาศดี และด้วยความที่อากาศร้อน พวกเราเลยสั่งเครื่องเครื่องดื่มมานั่งกินคลายร้อนกัน ก่อนจะออกไปเดินเล่นในส่วนของเอ้าท์ดอร์ คาเฟ่นี้ลมเย็นสบายจนเราเซอร์ไพรส์ว่าทำไมไม่ร้อนเลยแม้เราจะมาตอนเที่ยง แถมเค้ายังมีเปิดเพลงจากแผ่นเสียงคลอไปด้วย เหมาะแก่การมานั่งชิล พักผ่อน หรือพกหนังสือมาอ่านสักเล่ม
Arch x Chann Cafe
(https://maps.app.goo.gl/pmPvygnXnk2otgb57)
เปิดทุกวัน เวลา 09:30 – 22:00 น.
มัสยิดหลวงอันซอริซซุนนะห์
เดินถัดจากคาเฟ่มาอีกไม่ไกลก็จะเจอกับมัสยิดหลวงอันซอริซซุนนะห์ ชาวมุสลิมส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นกลุ่มที่อพยพมาจากอยุธยา ซึ่งอพยพมาพร้อมๆ กันกับที่บางกอกใหญ่หลังกรุงแตก และที่ได้ชื่อว่ามัสยิดหลวงนั้นเป็น เนื่องมาจากรัชกาลที่ 5 พระราชทานที่ดินให้เพื่อสร้างมัสยิดทดแทน หลังจากที่เดิมถูกเวนคืนเอาไปสร้างสถานีรถไฟ ปัจจุบันมัสยิดหลวงอันซอริซซุนนะห์ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนบางกอกน้อยและเป็นที่สอนศาสนาด้วย
ส่วนตัวเราชอบบรรยากาศของที่นี่มากๆ เพราะไม่ค่อยเจอมัสยิดที่อยู่ริมน้ำเท่าไหร่ อย่างวันที่มาเดินเล่นก็เจอเด็กๆ ออกมานั่งพักผ่อน เดินเล่น วิ่งเล่นริมน้ำกันด้วย : D
มัสยิดหลวงอันซอริซซุนนะห์
(https://maps.app.goo.gl/pc5mk8mt1inaRhki8)
เปิดทุกวัน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรือพระราชพิธีสำคัญ 8 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือครุฑเหินเห็จ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรืออสุรวายุภักษ์ และเรือเอกไชยเหินหาว นอกจากนั้นยังมีเครื่องประกอบและสิ่งของเครื่องใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ จัดแสดงอยู่ด้วย เช่น บัลลังก์บุษบก บัลลังก์กัญญา พายชนิดต่าง ๆ และเครื่องแต่งกายของเหล่าฝีพายด้วย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี
(https://maps.app.goo.gl/SwqxWZC7KikN1QT46)
เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 17:00 น.
พิพิธภัณฑ์ศิริราช (พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน)
ขึ้นชื่อว่าเป็นศิริราช หลายคนน่าจะนึกถึงโรงพยาบาลกัน แต่ขอบอกว่าที่นี่มีพิพิธภัณธ์ซ่อนอยู่ถึง 3 อาคารด้วยกัน ซึ่งรอบนี้เรามาเข้ามาชมในพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของพื้นที่ปากคลองบางกอกน้อย-วังหลัง ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีถึงปัจจุบัน ประวัติของศิริราช การแพทย์ไทย การสร้างทางรถไฟสายใต้ และวิถีชีวิตชุมชน
ตอนแรกคิดว่าน่าจะเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ทั่วไป แต่ทางศิริราชทำดีกว่าที่คิดไว้ เพราะเล่าเรื่องสนุกในแต่ละส่วนออกมาสนุกไม่น่าเบื่อ ทำให้เรามีได้มีส่วนร่วมกับนิทรรศการจริงๆ ผ่านการฉายวีดิทัศน์และการเล่นเกมแบบ Interactive และที่สำคัญคือของที่นำมาโชว์ก็น่าตื่นตาตื่นใจ ส่วนค่าเข้าก็แค่ 80 บาท เท่านั้นถือว่าคุ้มค่า!
นอกจากตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานแล้ว ยังมีอีกถึง 6 พิพิธภัณฑ์ให้ทุกคนมาเดินเล่นกันด้วย ที่นี่เหมาะแก่การค่อยๆ เดิน ค่อยๆ เรียนรู้ในแต่ละจุดแบบไม่เร่งรีบ ถ้าใครมีเวลาว่างทั้งวันแนะนำให้มาเดินที่นี่เลย สนุกมากๆ
พิพิธภัณฑ์ศิริราช (พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน)
(https://maps.app.goo.gl/Z1TwKW7w1ANfoWUT6)
เปิดทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10:00 – 17:00 น. (ปิดวันอังคาร)
ห้องสมุดบ้านหนังสือนางสุกันยา
ที่นี่เป็นห้องสมุดในชุมชนที่มีหนังสือหลากหลายประเภทให้มาเลือกอ่านกันแบบฟรีๆ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน นิยาย หนังสือสูตรอาหาร หนังสือทำสวน ไปจนถึงนิตยสาร
เราชอบบรรยากาศของห้องสมุดมากๆ เพราะทันทีที่เปิดประตูเข้าไปคุณป้าประจำห้องสมุดก็ทักทายเราด้วยน้ำเสียงสดใส ยินดีต้อนรับเราสุดๆ พร้อมกับเล่าเรื่องเกี่ยวกับห้องสมุดให้ฟังด้วย นอกจากนั้นที่นี่ยังมีน้องหมาน่ารักชื่อหมูอ้วนแน่แผ่ให้เราไปเล่นเกาพุงได้ด้วยนะ
ห้องสมุดบ้านหนังสือนางสุกันยา
(https://maps.app.goo.gl/97cd5u5JwQMFcEHG9)
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-18:00 น. (ปิดวันจันทร์)
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
เดินต่อจากห้องสมุดบ้านหนังสือนางสุกันยาต่อมาอีกหน่อย เราขอมาแวะกันต่อที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ที่นี่เป็นวัดโบราณมาตั้งแต่สมัยที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และที่ชื่อว่าวัดระฆังเนื่องมาจากขุดพบระฆังโบราณที่วัดนั่นเอง
ไฮไลท์ของที่นี่คือระฆังบริเวณพระปรางค์องค์ใหญ่ของวัดให้ที่ให้คนไปตีได้ ซึ่งคนไทยเชื่อกันว่าถ้ามาตีระฆังที่นี่จะมีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนเสียงของระฆัง และไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งคือมีรูปปั้นเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ให้ทุกคนมากราบไหว้กันด้วย
ช่วงเวลาที่เรามาเป็นช่วงเย็นพอดีทำให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไปนัก พอมาถึงสถาปัตยกรรมวัดก็สวยสุดๆ ที่สำคัญวัดยังอยู่ติดริมน้ำอีกด้วย หลังจากไหว้หลวงพ่อโตเสร็จ เราเลยออกมาเดินเล่นริมน้ำกันสักหน่อย บรรยากาศชิลมากๆ
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
(https://maps.app.goo.gl/6gJoEHYYLwR36h9U9)
ตลาดวังหลัง
สารภาพตามตรงว่าเราไม่ได้มาเดินตลาดวังหลังนานมากๆ แล้ว แต่เมื่อก่อนต้องแวะมากินซูชิวังหลังเป็นประจำ เรียกว่ากินซูชิดีๆ แบบจริงจังครั้งแรกก็ที่นี่แหละ พอรอบนี้ได้แวะมาเดินตลาดวังหลังอีกรอบก็พบว่าที่นี่เปลี่ยนไปเยอะมากๆ มีร้านขายของเพิ่มขึ้น มีคาเฟ่สวยๆ และของกินที่กำลังฮอตฮิตในโซเชี่ยลมีเดียมาเปิดใหม่กันเพียบ
แล้วทำไมถึงเรียกว่าวังหลัง วังหลังคือ พระราชวังของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานภิมุขในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งปัจจุบันคือที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราช ส่วนตลาดวังหลังที่อยู่ใกล้กับศิริราชจะมีลักษณะเป็นซอยยาวมีตรอกแยกออกไป และถ้าถัดจากตลาดวังหลังลงไปทางวัดระฆัง จะเป็นตำบลสวนมงคุด ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นวังที่ประทับเดิมของสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี ถ้าใครเดินมาท้ายๆ ตลาดวังหลังก็จะเจอกับกำแพงอิฐเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีนั่นเอง
ตลาดวังหลัง
(https://maps.app.goo.gl/UG2P6Bx7RR5KoAGz8)
เปิดทุกวัน เวลา 10:00-18:00 น.